Home > Blog > เปิดตำนานกิมจิ จากอาหารพื้นบ้านสู่ซูเปอร์ฟู้ดระดับโลก

เปิดตำนานกิมจิ จากอาหารพื้นบ้านสู่ซูเปอร์ฟู้ดระดับโลก

เผยแพร่เมื่อ ตุลาคม 6, 2024 โดย clubhousechan

เมื่อพูดถึงอาหารเกาหลี หนึ่งในเมนูที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้น “กิมจิ” (Kimchi) อาหารหมักที่มีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว และหอมอันเป็นเอกลักษณ์ กิมจิไม่ได้เป็นแค่เครื่องเคียงในมื้ออาหาร แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมการกินของชาวเกาหลี วันนี้เรามาทำความรู้จักกับตำนานของกิมจิและการเดินทางของมันจากอาหารพื้นบ้านไปสู่การเป็น ซูเปอร์ฟู้ดระดับโลก กันดีกว่า

กิมจิ คืออะไร?

กิมจิ คืออะไร?

กิมจิมี ประวัติยาวนานกว่าพันปี ย้อนกลับไปในยุคโบราณ ชาวเกาหลีจะนำผักมาหมักดองในเกลือเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาในช่วงฤดูหนาวที่หาอาหารได้ยาก ในยุคเริ่มแรก กิมจิยังไม่มีรสเผ็ด แต่เมื่อพริกถูกนำเข้ามาในเกาหลีจากยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16 กิมจิก็เริ่มมีการเติมพริกป่นและกลายเป็นกิมจิที่มีรสเผ็ดอย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน

กิมจิคือ ผักหมักดองในเครื่องปรุงรสต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่ทำจากผักกะหล่ำปลีจีนและหัวไชเท้า ที่ถูกนำมาหมักกับเกลือและเครื่องปรุง เช่น พริกป่นเกาหลี (Gochugaru), กระเทียม, ขิง, หอมใหญ่ และน้ำปลา เมื่อหมักจนได้ที่ จะได้รสชาติเปรี้ยว เผ็ด และหอมเครื่องปรุง กิมจิจึงถูกใช้เป็นเครื่องเคียงเพิ่มรสชาติให้กับอาหารจานหลัก

การกินกิมจิเป็นประจำจะช่วยในเรื่องของการ ย่อยอาหาร เนื่องจากมีแบคทีเรียที่ดีต่อระบบลำไส้ นอกจากนี้ กิมจิยังมี ไฟเบอร์ ที่ช่วยในการขับถ่าย วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วย ลดระดับคอเลสเตอรอล ในร่างกายอีกด้วย

กิมจิ อาหารพื้นบ้านสู่ซูเปอร์ฟู้ดระดับโลก

กิมจิไม่เพียงแค่เป็นอาหารที่อร่อย แต่ยังมี ประโยชน์ต่อสุขภาพ มากมาย เนื่องจากเป็นอาหารหมักดองที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียดี เช่น แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ซึ่งช่วยส่งเสริมการย่อยอาหารและสุขภาพของลำไส้ นอกจากนี้ กิมจิยังมี วิตามิน A, B, และ C รวมถึงแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย จึงไม่แปลกที่กิมจิจะได้รับการยกย่องให้เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่มีคุณประโยชน์ครบครัน

ในปัจจุบัน กิมจิได้กลายเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วโลก หลายร้านอาหารเกาหลีทั่วโลกเสิร์ฟกิมจิเป็นเครื่องเคียงคู่กับอาหารจานหลัก ทำให้หลายคนได้รู้จักและชื่นชอบในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ กิมจิยังเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารหลากหลาย เช่น ซุปกิมจิ, ข้าวผัดกิมจิ, และแซนวิชกิมจิ, ซุนดูบูจิกเก ซึ่งทำให้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนรักอาหารทั่วโลก

วิธีการทำกิมจิที่บ้าน

แม้ว่ากิมจิจะดูเป็นอาหารที่ต้องใช้เวลาและเทคนิค แต่เราสามารถทำกิมจิแบบง่าย ๆ ได้ที่บ้าน โดยเริ่มจากการเตรียมผักกะหล่ำปลีจีนแล้วหั่นเป็นชิ้น จากนั้นนำไปหมักกับเกลือประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ผักนุ่มลง หลังจากนั้นล้างออกและคลุกกับ เครื่องปรุงรส ที่เตรียมไว้ หมักทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วัน หรือหากต้องการรสชาติที่เข้มข้นกว่านี้ สามารถหมักนานกว่านั้นได้

วัตถุดิบหลัก:

  • ผักกาดขาว (Napa Cabbage) – 1 หัวใหญ่
  • เกลือ – สำหรับหมัก
  • น้ำเปล่า – สำหรับละลายเกลือ
  • ขิงสด – ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ (สับละเอียด)
  • กระเทียม – ประมาณ 5-10 กลีบ (สับละเอียด)
  • พริกป่นเกาหลี (Gochugaru) – ประมาณ 3-5 ช้อนโต๊ะ (ตามความเผ็ดที่ต้องการ)
  • น้ำตาล – ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความหวานที่ชอบ)
  • น้ำปลา – ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ
  • หอมใหญ่ – 1 หัว (หั่นบาง ๆ)
  • แครอท – 1-2 หัว (หั่นเป็นเส้น)
  • ต้นหอม – 2-3 ต้น (หั่นเป็นท่อน)

วิธีทำกิมจิ:

  • เตรียมผักกาดขาว: หั่นผักกาดขาวตามแนวตั้ง แล้วแช่ในน้ำเกลือประมาณ 2-3 ชั่วโมง จนผักนิ่ม
  • เตรียมส่วนผสมเครื่องเทศ: ผสมขิง, กระเทียม, พริกป่น, น้ำตาล, น้ำปลา เข้าด้วยกันจนเข้ากันดี
  • ผสมผัก: เติมหอมใหญ่, แครอท, และต้นหอม ลงไปในส่วนผสมเครื่องเทศแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  • หมัก: นำผักกาดขาวที่แช่ในน้ำเกลือมาล้างน้ำแล้วสะเด็ดน้ำ จากนั้นทาเครื่องเทศให้ทั่วผักกาดขาว
  • บรรจุ: ใส่กิมจิลงในภาชนะที่สะอาดแล้วปิดฝาให้แน่น ปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 1-2 วัน (ขึ้นอยู่กับความร้อนและรสชาติที่ต้องการ) หลังจากนั้นเก็บไว้ในตู้เย็น

บทสรุป

กิมจิเป็นมากกว่าแค่เครื่องเคียงในมื้ออาหาร แต่มันยังเป็น สัญลักษณ์ของวัฒนธรรมเกาหลี ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย การเดินทางของกิมจิจากอาหารพื้นบ้านสู่การเป็นซูเปอร์ฟู้ดระดับโลกได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความนิยมและคุณค่าในตัวมันเอง หากใครยังไม่เคยลองกิมจิ ขอแนะนำให้ลองชิมสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักรสชาติเปรี้ยว เผ็ด ที่อัดแน่นไปด้วยความอร่อยของมันอย่างแน่นอน!