Home > Blog > 5 วิธีเช็กเนื้อวากิวแต่ละเกรด ต่างกันอย่างไร?

5 วิธีเช็กเนื้อวากิวแต่ละเกรด ต่างกันอย่างไร?

เผยแพร่เมื่อ ตุลาคม 9, 2024 โดย clubhousechan

เนื้อวากิว (Wagyu) ถือเป็นหนึ่งในเนื้อที่มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีความนุ่ม ละลายในปาก และมีรสชาติที่หอมมันอย่างลงตัว แต่รู้หรือไม่ว่าเนื้อวากิวที่เราเห็นกันนั้นมีการแบ่งเกรดเพื่อบ่งบอกถึงคุณภาพของเนื้ออีกด้วย แต่ละเกรดมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับการจัดเกรดของเนื้อวากิว และสิ่งที่ทำให้แต่ละเกรดมีความพิเศษ

1. ระบบการจัดเกรดเนื้อวากิว (Wagyu Grading System)

1. ระบบการจัดเกรดเนื้อวากิว (Wagyu Grading System)

การจัดเกรดเนื้อวากิวในประเทศญี่ปุ่นใช้มาตรฐานของ Japanese Meat Grading Association (JMGA) โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ไดยเกรดของเนื้อวากิวจะเขียนในลักษณะ A5, A4, B5, ฯลฯ ซึ่งตัวอักษรบอกถึงความเข้มข้นของเนื้อ ส่วนตัวเลขบ่งบอกถึงคุณภาพ ได้แก่:

  1. ระดับความเข้มข้นของเนื้อ (Yield Grade): ใช้ตัวอักษร A, B, C โดย A หมายถึงเนื้อที่มีคุณภาพสูงสุด
  2. คุณภาพของเนื้อ (Quality Grade): ใช้ระดับคะแนนตั้งแต่ 1-5 โดย 5 คือคุณภาพดีที่สุด

2. การประเมินคุณภาพของเนื้อวากิว

เนื้อวากิวจะถูกประเมินคุณภาพโดยพิจารณาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่:

  • ลายไขมัน (Marbling): เป็นลักษณะลายไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เนื้อมีความนุ่มและรสชาติกลมกล่อม
  • สีของเนื้อ (Color & Brightness): สีของเนื้อวากิวควรจะเป็นสีแดงสดหรือสีแดงเข้มที่สวยงาม
  • ความแน่นของเนื้อ (Firmness & Texture): ความแน่นของเนื้อและความละเอียดของเนื้อต้องสมดุล
  • สีและความมันวาวของไขมัน (Color, Luster & Quality of Fat): สีของไขมันควรเป็นสีขาวหรือเหลืองอ่อน ๆ และมีความมันวาว

    3. เกรดของเนื้อวากิว

    A5 วากิว

    A5 วากิว
    • คุณภาพสูงสุด: เนื้อที่ได้เกรด A5 เป็นเนื้อที่มีความเข้มข้นและคุณภาพสูงสุด ลายไขมันจะกระจายตัวสม่ำเสมอทั่วทั้งชิ้น ทำให้เนื้อมีความนุ่มละลายและรสชาติที่กลมกล่อมอย่างที่สุด
    • รสชาติ: มีรสชาติหวานละมุนจากไขมันที่แทรกอยู่ ทำให้เนื้อมีความชุ่มชื่นและนุ่มในทุกคำ

    A4 วากิว

    A4 วากิว
    • คุณภาพดีมาก: เนื้อ A4 ก็ยังถือว่าเป็นเนื้อคุณภาพดีเยี่ยม มีลายไขมันแทรกที่สวยงาม แต่ความเข้มข้นอาจน้อยกว่า A5 เล็กน้อย
    • รสชาติ: ยังคงมีความนุ่มและหอมมัน แต่จะไม่ละลายมากเท่า A5 ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้น

    A3 วากิว

    A3 วากิว
    • คุณภาพดี: เนื้อ A3 จะมีลายไขมันแทรกพอสมควร แต่ไม่หนาแน่นเท่ากับ A4 หรือ A5 ทำให้เนื้อมีความนุ่มในระดับปานกลาง
    • รสชาติ: สำหรับคนที่ชอบรสชาติเนื้อที่เข้มข้นขึ้นและไม่ชอบไขมันมากนัก A3 อาจเป็นทางเลือกที่ดี

    Half Blood (F1)

    Half Blood (F1)
    • เนื้อจากวัวลูกผสม: F1 คือเนื้อจากวัวลูกผสมระหว่างสายพันธุ์วากิวและสายพันธุ์อื่น ๆ โดยจะมีลักษณะเนื้อและลายไขมันแทรกที่คล้ายกับวากิวเกรด A3 แต่สัมผัสและรสชาติจะแตกต่างจากวากิวแท้
    • ลักษณะเนื้อ: เนื้อ F1 จะมีความหยาบกว่าวากิวเล็กน้อย และไขมันแทรกในเนื้อไม่มากเท่าวากิว ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานเนื้อที่มีไขมันเยอะ

    4. การเลือกเนื้อวากิวให้เหมาะกับการปรุงอาหาร

    การเลือกเนื้อวากิวเกรดต่าง ๆ อาจขึ้นอยู่กับวิธีการปรุง:

    • A5: เหมาะสำหรับการย่างหรือต้มที่เน้นรสชาติและความนุ่ม เช่น การทำสเต็กหรือชาบู
    • A4: เหมาะสำหรับการย่างที่ต้องการรสชาติเนื้อที่เข้มข้นขึ้น หรือการทำ BBQ แบบญี่ปุ่น (Yakiniku)
    • A3: เหมาะกับการทำอาหารที่ต้องการให้เนื้อมีความแน่น เช่น การผัดหรือทำซุป
    • F1: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรสชาติเนื้อที่ไม่เข้มข้นมากนักและไม่ชอบไขมันสูง

    5. ทำไมเนื้อวากิวถึงมีราคาแพง?

    เนื้อวากิวแต่ละเกรดถูกผลิตภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงวัว การควบคุมอาหาร และการตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน นี่คือเหตุผลที่ทำให้เนื้อวากิวมีราคาสูง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ได้เนื้อที่มีรสชาติและคุณภาพที่หาตัวจับยาก การเลือกเนื้อวากิวแต่ละเกรดขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและการนำไปปรุงอาหาร หากคุณชอบเนื้อที่นุ่ม ละลายในปาก ควรเลือก A5 หรือ A4 แต่ถ้าต้องการเนื้อที่มีรสเข้มข้นและไม่ต้องการไขมันมากนัก A3 หรือ F1 อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม และเมื่อได้ลองเนื้อวากิวที่มีเกรดต่าง ๆ แล้ว คุณจะได้พบกับประสบการณ์รสชาติที่หลากหลายและไม่เหมือนใคร