Home > Blog > 5 เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรงในปี 2024

5 เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรงในปี 2024

เผยแพร่เมื่อ สิงหาคม 31, 2024 โดย clubhousechan

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและเลือกสรรอาหารอย่างพิถีพิถัน เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพจึงมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่เพียงแต่รสชาติของอาหารที่ต้องอร่อยเท่านั้น แต่คุณค่าทางโภชนาการ แหล่งที่มาของวัตถุดิบ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกบริโภคอาหาร ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เกิดนวัตกรรมทางโภชนาการและการเลือกอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น

ที่ Clubhouse_Chan เราใส่ใจทุกรายละเอียดในการสร้างสรรค์เมนูที่ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เมนูอาหารที่เรานำเสนอสะท้อนถึงเทรนด์อาหารที่มาแรงในปีนี้ ทั้งการผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้คุณได้ลิ้มลองอาหารที่อร่อย มีประโยชน์ และตอบโจทย์ความต้องการของคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ Clubhouse_Chan ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เดียว!

1. อาหารจากพืช (Plant-based Diet)

1. อาหารจากพืช (Plant-based Diet)

เทรนด์การรับประทานอาหารจากพืช (Plant-Based Diet) กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ด้วยประโยชน์ที่มากมายต่อทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การเลือกบริโภคอาหารจากพืชไม่เพียงแค่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งบางชนิดเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้น้ำในการผลิตอาหารได้อีกด้วย การเลือกอาหารที่มาจากพืชเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนรักสุขภาพและผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ Clubhouse_Chan เราเข้าใจถึงความสำคัญของเทรนด์นี้และได้จัดเตรียมเมนูอาหารจากพืชที่หลากหลายและอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ตัวอย่างเมนูที่เรานำเสนอ ได้แก่ สลัดธัญพืชที่ผสมผสานความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการจากเมล็ดธัญพืชหลากหลายชนิด เต้าหู้ย่างที่ให้โปรตีนสูงพร้อมรสชาติที่หอมอร่อย รวมถึงเมนูที่ใช้โปรตีนจากพืชอย่างถั่ว เห็ด และเมล็ดเจียที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ เรายังมีเมนูพิเศษที่ใช้โปรตีนจากถั่วลูกไก่ (Chickpea) ที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์และวิตามิน เพื่อให้คุณสามารถเลือกรับประทานได้อย่างหลากหลายและอิ่มอร่อยไปพร้อม ๆ กัน

สำหรับผู้ที่ยังชื่นชอบเนื้อสัตว์ แต่ต้องการทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เราขอแนะนำเมนูสเต็กเนื้อไทยวากิวและริปอายนิวซีแลนด์ ที่มาจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า (Grass-fed) ซึ่งวิธีการเลี้ยงแบบนี้จะช่วยให้เนื้อวัวมีไขมันไม่อิ่มตัวสูงขึ้น มีโอเมก้า-3 มากกว่าเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป และดีต่อสุขภาพมากกว่า นอกจากนี้ เรายังเน้นเลือกวัตถุดิบที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดีต่อทั้งตัวคุณและโลกของเรา การรับประทานอาหารจากพืชไม่ได้หมายความว่าจะต้องละทิ้งเนื้อสัตว์ไปทั้งหมด แต่เป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับมื้ออาหารและเปิดโอกาสให้คุณได้ลองอะไรใหม่ ๆ ที่ดีต่อสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น

2. อาหารหมักดอง (Fermented Foods)

2. อาหารหมักดอง (Fermented Foods)

อาหารหมักดอง (Fermented Foods) กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในวงการอาหารและสุขภาพทั่วโลก ด้วยประโยชน์ที่มีต่อระบบย่อยอาหารและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาหารหมักดองเกิดจากกระบวนการที่ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดี (Probiotics) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย กระบวนการหมักนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหาร แต่ยังเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ ตัวอย่างของอาหารหมักดองที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมได้แก่ คีเฟอร์ (Kefir) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากนมหมัก อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และมีโปรตีนสูง, คอมบูชา (Kombucha) ซึ่งเป็นชาเขียวหรือชาดำที่ผ่านกระบวนการหมัก มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานและมีสารต้านอนุมูลอิสระ, กิมจิ (Kimchi) อาหารเกาหลีที่ทำจากผักดองและเครื่องปรุงรสเผ็ดที่มีจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสที่ดีต่อสุขภาพลำไส้, และ โยเกิร์ต (Yogurt) ที่ทำจากนมหมักที่มีจุลินทรีย์ที่ช่วยในการย่อยอาหารและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

อาหารหมักดองมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยฟื้นฟูและรักษาความสมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าอาหารหมักดองสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังและโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้อีกด้วย การนำเทรนด์อาหารหมักดองมาประยุกต์ใช้ในเมนูอาหารที่หลากหลาย เป็นการเพิ่มมิติทางรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการให้กับมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นเมนูแซลมอนดองและกุ้งดองที่ผสมผสานรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของการหมักกับความสดของวัตถุดิบ หรือเมนูอื่น ๆ ที่เน้นการใช้จุลินทรีย์ที่ดีในการสร้างรสชาติที่สมดุลและอร่อยไปพร้อมกับการบำรุงสุขภาพ การรับประทานอาหารหมักดองจึงไม่เพียงแค่เสริมสร้างสุขภาพลำไส้ แต่ยังเป็นการสัมผัสกับรสชาติที่มีเอกลักษณ์และทรงคุณค่าในทุก ๆ คำ

3. โปรตีนคุณภาพสูง (High-Quality Proteins)

3. โปรตีนคุณภาพสูง (High-Quality Proteins)

แม้ว่าเทรนด์การบริโภคอาหารจากพืชจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โปรตีนคุณภาพสูงจากเนื้อสัตว์ก็ยังคงมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการพลังงานสูง ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ หรือควบคุมน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โปรตีนเป็นสารอาหารหลักที่ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อ รวมถึงเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และการเลือกบริโภคโปรตีนที่มีคุณภาพสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง แหล่งของโปรตีนคุณภาพสูงที่นิยมมาก ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่ผ่านการเลี้ยงดูอย่างพิถีพิถัน เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่ จากฟาร์มที่มีมาตรฐานในการเลี้ยงดู การเลือกเนื้อสัตว์ที่มาจากฟาร์มที่ใช้การเลี้ยงแบบธรรมชาติและปราศจากสารเคมีหรือฮอร์โมน จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น

เมนูยอดนิยมที่ตอบโจทย์ความต้องการโปรตีนคุณภาพสูง เช่น สามชั้นทอดน้ำปลา ที่ใช้เนื้อหมูคุณภาพดี ผ่านการคัดสรรเนื้อหมูที่มีไขมันไม่มากและเนื้อแน่นเต็มไปด้วยโปรตีน จากนั้นทอดด้วยน้ำมันที่มีคุณภาพเพื่อรักษาความสดของเนื้อหมูและรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม หรือ ซี่โครงหมู BBQ ที่ผ่านการย่างอย่างพิถีพิถัน การย่างซี่โครงหมูด้วยวิธีที่ใช้ไฟอ่อนค่อย ๆ จะช่วยให้เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ รสชาติเข้มข้น ไม่สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการของโปรตีน และยังมีกลิ่นหอมจากเครื่องปรุงที่ใช้หมัก โปรตีนคุณภาพสูงจากเนื้อสัตว์นั้นยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายต้องการและไม่สามารถผลิตเองได้ เช่น ไลซีน (Lysine) ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การบริโภคโปรตีนคุณภาพสูงในปริมาณที่เหมาะสมยังสามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และรักษามวลกล้ามเนื้อให้คงอยู่ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความอิ่มท้องได้ยาวนาน ลดความอยากอาหารระหว่างมื้อ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือมีความต้องการทางด้านพลังงานสูงในกิจวัตรประจำวัน

4. อาหารเพื่อบำรุงสมอง (Brain Foods)

4. อาหารเพื่อบำรุงสมอง (Brain Foods)

ในยุคที่เทคโนโลยีและวิถีชีวิตที่เร่งรีบทำให้คนมีความเครียดสะสมและใช้สมองมากขึ้น การดูแลสุขภาพสมองจึงกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น อาหารเพื่อสุขภาพสมอง หรือ “Brain Foods” ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงและเสริมสร้างการทำงานของสมอง ป้องกันความเสื่อมของเซลล์สมอง และช่วยเพิ่มสมาธิและความจำให้ดีขึ้น

กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acids) เป็นหนึ่งในสารอาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพสมองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ DHA (Docosahexaenoic Acid) ที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาทและปรับปรุงการเชื่อมต่อของเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า-3 ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน ทูน่า และแมคเคอเรล ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพและยังช่วยบำรุงสมองได้อีกด้วย นอกจากปลาทะเลแล้ว ยังมี ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดฟักทอง วอลนัท และอัลมอนด์ ซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่ดีต่อสมอง รวมถึง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และสตรอเบอร์รี่ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องสมองจากความเสื่อมและการอักเสบ

หนึ่งในเมนูที่โดดเด่นซึ่งผสมผสานทั้งคุณประโยชน์ต่อสมองและระบบย่อยอาหาร คือ แซลมอนดอง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นอาหารหมักดองที่ช่วยเสริมสร้างระบบย่อยอาหารและบำรุงสุขภาพลำไส้ แต่ยังอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้ เสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท และช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน นอกจากนี้ อาหารที่มี วิตามินอี (Vitamin E) จากถั่วเปลือกแข็งและผักใบเขียวเข้มก็มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์สมองจากการเสื่อมสภาพ และ วิตามินบี (B Vitamins) จากไข่และธัญพืชเต็มเมล็ดช่วยในการผลิตสารเคมีที่สำคัญต่อการทำงานของสมอง เช่น เซโรโทนินและโดพามีน ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก

5. อาหารท้องถิ่นและออร์แกนิค (Local and Organic Foods)

5. อาหารท้องถิ่นและออร์แกนิค (Local and Organic Foods)

ในยุคปัจจุบัน ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของอาหารมากขึ้น โดยเน้นการเลือกอาหารที่มีคุณภาพ สดใหม่ และผลิตด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การรับประทานอาหารท้องถิ่นและออร์แกนิคไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง แต่ยังเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคอีกด้วย

อาหารท้องถิ่น (Local Foods) มักจะมีความสดใหม่กว่าเนื่องจากมีการขนส่งระยะสั้น ลดโอกาสในการเน่าเสียและการสูญเสียสารอาหารที่สำคัญ นอกจากนี้ อาหารท้องถิ่นยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น และลดผลกระทบจากการเกษตรที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

อาหารออร์แกนิค (Organic Foods) มีการผลิตโดยไม่ใช้สารเคมีหรือปุ๋ยสังเคราะห์ และไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งทำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพและช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศในพื้นที่การเกษตร การเลือกอาหารออร์แกนิคยังช่วยลดการสะสมของสารเคมีในร่างกายและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน

หนึ่งในเมนูที่สะท้อนแนวทางการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและออร์แกนิคได้เป็นอย่างดี คือ Mountain Wing หรือปีกไก่ภูเขา ซึ่งใช้เนื้อไก่จากฟาร์มท้องถิ่นที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระ การเลี้ยงไก่แบบปล่อยอิสระนี้ช่วยให้ไก่ได้ออกไปหากินตามธรรมชาติ ทำให้เนื้อไก่มีรสชาติที่เข้มข้นและมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงขึ้น อีกทั้งการเลี้ยงแบบปล่อยอิสระยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากช่วยลดการใช้สารเคมีและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การเลือกใช้เนื้อไก่จากฟาร์มท้องถิ่นและการเกษตรออร์แกนิคไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค แต่ยังเป็นการสนับสนุนการเกษตรที่ยั่งยืนและช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การบริโภคอาหารท้องถิ่นและออร์แกนิคจึงเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความยั่งยืนในระยะยาว

สรุป

การเลือกรับประทานอาหารตามเทรนด์ที่เน้นสุขภาพเหล่านี้สามารถช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้ และที่ร้านของเรา คุณจะได้ลิ้มลองเมนูที่ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรักสุขภาพได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม หากคุณมีข้อจำกัดด้านอาหารหรือสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณมากที่สุด